เอกสารขอวีซ่านักเรียนจีน 2018

Last updated: 24 ส.ค. 2563  |  35661 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทุกวันนี้ประเทศจีนก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่คิดจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเรียนภาษาจีนหรือในระดับอุดมศึกษา เพราะนอกจากโอกาสในการทำงานและตลาดรองรับที่ขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้งแล้ว มหาวิทยาลัยและสถานศึกษาต่าง ๆ ในจีนยังมักจะมีทุนมาเสนอให้นักเรียนต่างชาติอยู่เรื่อย ๆ และทุนจำนวนมากก็เป็นทุนแบบไม่ผูกมัดอีกด้วย เหมาะกับคนที่เรียนจบแล้วตั้งใจจะสยายปีกทันทีไม่ต้องรอใช้ทุน

บรรยากาศในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็จะมีต้นไม้ร่มรื่นแบบนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลือกสถาบันการศึกษายังหลากหลายสุดขีด สามารถเลือกให้เหมาะสมกับระดับภาษาและความต้องการของผู้เรียนได้ โดยในเมืองใหญ่ ๆ อาจมีมหาวิทยาลัยให้เลือกเป็นสิบแแห่ง ส่วนการใช้ชีวิตก็จะเป็นไลฟ์สไตล์แบบมหานคร หรือถ้าใครชอบเมืองสงบไม่พลุกพล่าน ก็ลองเลือกมหาวิทยาลัยในเมืองรอง ก็จะได้บรรยากาศเป็นเอกลักษณ์ไปอีกแบบ

สำหรับคนที่ตั้งใจจะไปเป็นนักเรียนจีน เมื่อทำการยื่นใบสมัครจนได้ใบตอบรับเข้าเรียนแล้ว ก็ต้องดำเนินการขอวีซ่าให้ถูกประเภทเพื่อเดินทางเข้าจีน วีซ่านักเรียนจีนมีชื่อเรียกว่า ประเภท X1 และ X2 ซึ่ง X1 คือนักเรียนที่หลักสูตรการเรียนการสอนมีระยะเวลาเกิน 180 วัน ส่วน X2 จะมีระยะเวลาสั้นกว่า 180 วัน ส่วนนี้เราต้องยื่นใบสมัครไปที่สถานศึกษาก่อน แล้วทางสถานศึกษาจะออกใบ JW ที่ระบุว่าเราต้องขอวีซ่า X1 หรือ X2 มาให้ มาดูกันเลยค่ะว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง 

เอกสารที่ต้องใช้: 
1. พาสปอร์ตตัวจริงที่มีอายุเหลือเกิน 6 เดือน พร้อมสำเนา
ใครที่ไปเรียนเป็นเวลานาน ๆ อายุพาสปอร์ตอาจไม่พอได้ ควรตรวจสอบให้ดีก่อนลงมือเขียนใบสมัครนะ ถ้าพาสปอร์ตใกล้หมดอายุก็ควรไปทำใหม่แต่เนิ่น ๆ


2. รูปถ่าย 2 ใบ
ต้องเป็นรูปที่ถูกต้องตามกฎระเบียบของศูนย์รับยื่น ดูตามภาพด้านล่างได้เล้ย


3. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าจีน

4. ใบ Admission Notice (หนังสือตอบรับเข้าเรียน) พร้อมสำเนา
เป็นเอกสารที่ทางสถานศึกษาจะออกให้เมื่อเราได้รับการตอบรับเข้าเรียนแล้ว


5. ใบ JW201 หรือ JW202 (แบบฟอร์มขอวีซ่าสำหรับนักเรียนต่างชาติในจีน) พร้อมสำเนา 
ใช้สำหรับประกอบการขอวีซ่านักเรียน ทางสถานศึกษาจะเป็นผู้ออกให้เช่นกัน

6. เอกสารรับรองการตรวจสุขภาพ และสำเนา
ส่วนนี้มีข้อมูลมาว่า ทางสถานทูตจีนจะพิจารณาผลจากโรงพยาบาลรัฐ (มีผู้ระบุมาว่าควรเป็นโรงพยาบาลจุฬาฯ หรือโรงพยาบาลตำรวจ) เท่านั้น อย่างไรก็ดี เมื่อไปถึงจีนอาจต้องโดนจับตรวจร่างกายใหม่ โดยเฉพาะบรรดานักเรียนทุนทั้งหลาย 



เอกสารข้อ 4 และ 5 อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าทางมหาวิทยาลัยจะส่งมาให้ แต่สองใบนี้จะเปรียบเสมือนใบเบิกทางในการทำสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่ไทยและเมื่อไปถึงจีน ดังนั้น ต้องเก็บรักษาให้ดี และควรทำสำเนาทั้งแบบกระดาษและแบบดิจิตอลไว้ด้วยนะ 

Tips & Tricks อื่น ๆ: 

เติมความกุ๊กกิ๊กยุกยิกให้ห้องด้วยผ้าปูที่นอนหมอนมุ้งจากอิเกีย

- ภายใน 24 ชั่วโมงแรกที่ไปถึง ต้องทำเรื่องลงทะเบียนกับสถานีตำรวจท้องถิ่นทันที ใครที่อยู่หอ ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่หอจะจัดการให้เลย ส่วนใครที่เลือกนอนโรงแรมในวันแรก ๆ ฟรอนท์ของโรงแรมก็จะจัดการให้ตามจำนวนวันที่เราพักกับโรงแรมนั้น พอได้หอแล้วก็ต้องให้หอลงทะเบียนให้เหมือนกัน แต่ถ้าใครเช่าอพาร์ตเมนท์อยู่ เจ้าของบ้าน (ฝางตง) ควรจะช่วยเป็นธุระปะปังจัดการให้ ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ๆ ห้ามละเลยเป็นอันขาด ไม่งั้นอาจฝ่าฝืนกฎหมายจีนโดยไม่รู้ตัวได้นะ

เรียนหนัก เสบียงก็เลยหนักไปด้วย

- เมื่อไปถึงจีนภายใน 30 วัน จะต้องยื่นคำร้องขอพำนักระยะยาวในประเทศจีน (Residence Permit) ที่ให้สิทธิในการเข้าออกหลายครั้งหรือ multiple entries อีกที ซึ่งใบอนุญาตนี้จะแปะอยู่ในพาสปอร์ตของเราเลย ส่วนใหญ่ทางมหาวิทยาลัยหรือที่เรียนก็จะแจ้งขั้นตอนต่าง ๆ ให้ทราบ ในบางกรณี (จริง ๆ คือส่วนใหญ่) ต้องไปตรวจร่างกายในโรงพยาบาลที่จีนอีกทีด้วยนะ รับรองว่าได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เพียบ ฮือออออ 

- ถ้าเป็นไปได้ ควรจัดการเรื่องหอให้เรียบร้อยก่อนไป หรือใครที่มีเวลาและทุนทรัพย์ จะบินไปล่วงหน้าเพื่อตามล่าหาที่พักให้ถูกใจก็ได้ ใครจะใช้วิธีนี้ควรภาษาจีนแข็งในระดับหนึ่ง และมีเพื่อนไปร่วมด้วยช่วยกันดูห้อง เพราะการพูดคุยตกลงทำสัญญาธุรกรรมในต่างประเทศนั้นต้องละเอียดรอบคอบเอามาก ๆ และกว่าจะหาบ้านที่ถูกใจได้ บอกเลยว่าต้องใช้เวลาพอสมควร โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่ค่าเช่าแพงหูฉี่และการแข่งขันค่อนข้างสูง

นอกจากวีซ่าท่องเที่ยวแล้ว ต้าหัวยังมีบริการให้คำปรึกษาและรับยื่นวีซ่านักเรียนจีนด้วยนะ ส่งมาให้เราจัดการ แล้วรอรับเล่มสบาย ๆ ได้เล้ย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้