Last updated: 30 ก.ค. 2561 | 14830 จำนวนผู้เข้าชม |
UPDATE: ตามไปอ่านวิธีขึ้นรถบัส รถไฟใต้ดิน แท๊กซี่ได้ที่ วิธีเดินทางในจีน ตอนที่ 2: ในตัวเมือง
ประเทศจีนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล พ่วงด้วยประชากรเรือนพันล้าน การคมนาคมขนส่งซึ่งต้องรองรับมวลผู้คนมหาศาลที่เคลื่อนตัวไปมาอยู่ตลอด จึงได้รับการพัฒนาให้ดีมีคุณภาพและมีความหลากหลาย และนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเราก็พลอยส้มหล่นไปด้วย เอนทรีนี้จะมาเล่าถึงสามวิธีเดินทางหลัก ๆ ระหว่างเมืองในจีนจ้ะ
ตั๋วรถไฟแบบต้งเชอ จากสถานีหลิวหยวนหนานไปหลันโจวซี ราคา 365 หยวน
1. นั่งเครื่องบิน
ถ้าต้องการทำเวลา การจองและซื้อตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจีนก็เป็นการตัดสินใจที่ดีมาก เพราะนอกจากจะมีสายการบินให้เลือกมากมายแล้ว ทั่วประเทศจีนยังมีสนามบินพาณิชย์อีกเกือบ 200 แห่ง แต่ควรระวังเรื่องต่อไปนี้
- สายการบินของจีนที่เป็นฟูลเซอร์วิส บางเส้นทางอาจใช้เครื่องบินแบบแถวละ 6 ที่นั่ง ส่วนอาหารก็เป็นของว่างแบบจีน ๆ จึงอาจให้ความรู้สึกเหมือนโลว์คอสต์ไปบ้าง แต่เรามองว่าไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ เพราะเท่าที่เจอมามักเป็นเส้นทางที่ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง
มี Tibet Airlines ให้ใช้บริการด้วยนะ รูปจาก www.exploretibet.com
- ถ้าต้องไปกลับเมืองเล็กที่ห่างไกล อย่าลืมเล็งวันให้ดี บางเมืองอาจมีเที่ยวบินไปลงแค่สัปดาห์ละ 2 วัน หรืออยู่ไกลจากตัวเมืองเป็นชั่วโมง ก่อนลงมือแพลนทริป ควรตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดี คนที่เวลาน้อยจะได้ไม่เสียวันลาเปล่า ๆ เนอะ
- ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจีน ส่วนใหญ่จะอนุญาตให้โหลดกระเป๋าได้ไม่เกิน 20 ก.ก. ใครที่สัมภาระเยอะ อาจต้องตรวจสอบกับสายการบินก่อน
- สนามบินในจีนบางแห่ง ห้ามโหลดสิ่งเหล่านี้ลงกระเป๋าใหญ่และห้ามนำขึ้นเครื่องด้วย : ไฟแช็ก วัตถุมีคม (ส่วนใหญ่ที่โดนจะเป็นมีดหรือดาบแกะสลักที่เป็นของฝาก) และพาวเวอร์แบงก์ที่มีความจุไฟฟ้าเกิน 32,000 mAh ในบางกรณี เครื่องสำอางที่มีแอลกอฮอล์ และพาวเวอร์แบงก์ที่ไม่ระบุความจุไฟฟ้า ก็อาจโดนทิ้งด้วย โดยขึ้นอยู่กับกฎของสนามบินและดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่
2. นั่งรถไฟ
ปัจจุบันรถไฟจีนแบ่งเป็นแบบธรรมดากับแบบความเร็วสูง ขออธิบายคร่าว ๆ ตามนี้จ้ะ
รถไฟจากซีหนิงไปลาซา อยู่บนรถกันยาวนานถึง 26 ชั่วโมงเลยทีเดียว
- รถไฟธรรมดา | 火车 (หั่วเชอ) แบ่งตามความเร็วหลายระดับ คือ ต้งเชอ (动车 | รหัสขึ้นต้นด้วยตัว D) จะเร็วที่สุด ตามด้วยไคว่เชอ (快车 รหัสตัว K) และความเร็วอื่น ๆ ไล่ไปจนถึงรถหวานเย็น มีทั้งที่นั่งชั้นธุรกิจ เบาะนิ่ม (软座 หร่วนจั้ว) เบาะแข็ง (硬座 ยิ่งจั้ว) และตั๋วยืน (无座 อู๋จั้ว) ส่วนราคาก็เรียงตามประเภทรถและความหรูของที่นั่งเลย นอกจากนี้ ยังมีรถนอนแบบเตียงสองชั้นกับสามชั้น ราคาแบบสองชั้นจะแพงกว่าเพราะมีพื้นที่มากกว่า และเตียงล่างจะแพงกว่าเตียงบนเสมอ
รถเตียงสามชั้น ปลายเตียงจะติดทางเดินเลย บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก
ส่วนรถเตียงสองชั้น หนึ่งห้องจะมีสี่เตียง มีประตูเลื่อนปิดได้ ให้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย
เราสามารถจองตั๋วรถไฟจีนและซื้อล่วงหน้าได้ประมาณ 20 วัน อย่าลืมตรวจสอบให้ดีว่าต้องไปสถานีไหน เพราะในหนึ่งเมืองอาจมีสถานีรถไฟถึง 4 แห่ง เมื่อไปถึงจะมีการสแกนสัมภาระและผู้โดยสาร ซึ่งบางสถานีจะไม่อนุญาตให้นำวัตถุมีคมหรือของเหลวบางประเภทเข้าไปเด็ดขาด สรุปว่าอย่าพกมีดสวิสไนฟ์หรือน้ำหอมราคาแพงไปจีนจะดีกว่า
3. นั่งรถบัส
หากต้องเดินทางเป็นระยะทางไกล ก็มีทั้งรถแบบนั่งและแบบนอนให้เลือก แบบนั่งอาจกินเวลาถึง 8-9 ชั่วโมง ส่วนรถบัสนอนมักจะเป็นเส้นทางที่ต้องวิ่งรถข้ามคืน แต่จะมีจอดให้เข้าห้องน้ำหรือแวะยืดเส้นยืดสายเป็นระยะ หลายคนบอกว่าควรเลือกเตียงบนเพื่อหลบกลิ่นเท้า แต่จะขึ้นลงไม่ค่อยสะดวกนัก ข้อดีของวิธีนี้คือได้ชมวิวตามเส้นทางไฮเวย์ และได้เห็นวิถีชีวิตของชาวจีนจริง ๆ ยิ่งตามเมืองชนบทไกลโพ้น อาจได้เจอฝูงแพะวิ่งเต็มถนน หรือมีอาเฮียหิ้วกรงไก่ขึ้นรถมาด้วยก็ได้นะ
นั่งรถบัสก็ได้ชมวิวงาม ๆ เหมือนกัน
เราสามารถซื้อตั๋วรถบัสได้ตามสถานีรถ (คล้าย ๆ บขส.) เหมือนเดิมค่ะ ตรวจสอบให้ดีว่าเราขึ้นรถที่สถานีไหนของเมือง เช็ควันเวลาขึ้นลงรถ ซ้อมเรียกชื่อจุดหมายปลายทางให้แม่น หรือเตรียมชื่อเป็นอักษรภาษาจีนให้พนักงานเพื่อความรวดเร็ว บางเส้นทางที่ฮิตมาก ๆ อาจต้องไปซื้อตั๋วหนึ่งวันล่วงหน้า
3 ก.ย. 2561
17 ส.ค. 2563
15 ก.ย. 2562